รอยแดงรอยดำซึ่งเกิดขึ้นจากสิว และตัวน้องสิวเนี่ยเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนบนผิวหนัง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเกิดจาก น้ำมันส่วนเกินที่มากเกินไป การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรียที่ชื่อ Propionibacterium acnes หรือ P. acnes การอักเสบที่เกิดขึ้น ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นแดงและบวม ซึ่งอาจเกิดเป็นสิวอักเสบหรือสิวหนอง บางครั้งอาการอักเสบนี้อาจกระจายออกไปยังบริเวณโดยรอบสิว ทำให้เกิดรอยแดงที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวสิวเอง และยิ่งถ้าหากว่าเพื่อน ๆ บีบหรือแกะสิว ก็อาจทำให้เกิดรอยดำหลังจากที่สิวหายได้นั่นเอง
รอยแดงรอยดำ คืออะไร? เกิดขึ้นได้อย่างไร?
รอยแดงบนผิวหน้า (หรือ PAR หรือ Post Acne Erythema) มักเกิดขึ้นระหว่าง หรือหลังจากการรักษาสิว เนื่องจากการอักเสบของผิวหนัง ทำให้ร่างกายเริ่มกระบวนการซ่อมแซม โดยส่งเลือดไปยังบริเวณที่เกิดการอักเสบ เพื่อซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อ ผลลัพธ์คือเกิดการขยายตัวของหลอดเลือดภายใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดง ชมพู หรือม่วง และรอยแดงเหล่านี้สามารถหายไปได้เองตามธรรมชาติ แต่อาจใช้เวลานาน นอกจากนี้ วิธีการรักษาใหม่ ๆ ที่เราจะมาบอกเพื่อน ๆ ในบทความนี้ สามารถช่วยบรรเทาอาการและรักษารอยแดงจากสิวให้หายเร็วขึ้นได้
ส่วนรอยดำหรือ PIH (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) มักเกิดจากการอักเสบหรือระคายเคืองของผิวหนัง รอยดำสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการทำเลเซอร์ หรือการลอกหน้า กระตุ้นให้เมลาโนไซต์ผลิตเมลานินในเซลล์เคราติโนไซต์มากกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังที่ระคายเคือง หรืออักเสบ เปลี่ยนเป็นสีดำ รอยดำเหล่านี้อาจปรากฏเป็นสีแทน น้ำตาล น้ำตาลเข้ม หรือเทา ได้เช่นกัน
วิธีดูแลรักษารอยดำรอยแดงจากสิว
ในหัวข้อนี้เราจะมาบอกให้เพื่อน ๆ รู้ถึงวิธีการดูแลรักษา “รอยแดงรอยดำ” ที่เกิดจากสิว ซึ่งจริงๆแล้วการดูแลรักษาของทั้ง 2 ปัญหาผิวนี้ก็จะมีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
การรักษาอาการแดงจากสิว
การรักษาสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับสภาพและระดับความรุนแรงของสิวที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
การใช้ยารักษารอยแดง: ยาที่ใช้รักษาสิวและลดอาการแดงมักจะมีส่วนผสมที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน ที่ใช้ทาบนผิวหนัง หรือสำหรับเพื่อน ๆ บางคน อาจจะใช้ยาที่รับประทานได้ร่วมด้วย เช่น ด็อกซีไซคลินหรือมินอซีไซคลิน ก็มีความสามารถในการช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อภายในรูขุมขน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร้วมด้วย
การดูแลผิวอย่างเหมาะสม: ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีคุณสมบัติในการลดน้ำมันบนผิวหน้าและไม่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง และควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสารที่ระคายเคืองอื่น ๆ หรืออาจจะใช้เซรั่มเพื่อช่วยที่มีสารสกัดที่ช่วยในการลดรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิวด้วย เพื่อให้รอยลดลง เช่น ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) หรือ วิตามิน B3 (Vitamin B3) ที่มีอยู่ใน BERKIN Moisture and Barrier Booster Serum ซึ่งมีความเข้มข้นของไนอาซินาไมด์ที่ 3% เป็นความเข้มข้นตามงานวิจัย ที่ชี้ว่าช่วยลดรอยดำรอยแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เข้มข้นเกินไปจนทำให้เสี่ยงต่อการระคายเคือง และใน BERKIN Serum ยังปราศจาก แอลกอฮอล์ น้ำหอม สารก่อการระคายเคือง สารอันตรายต่าง ๆ เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่ผิวแพ้ง่าย เป็นสิว และมีรอยดำรอยแดง
การใช้เลเซอร์และการรักษาด้วยแสง: เลเซอร์สามารถใช้เพื่อลดการอักเสบและปรับปรุงสภาพผิวได้โดยการกำจัดเนื้อเยื่อที่อักเสบ และส่งเสริมการผลิตคอลลาเจน การรักษาด้วยแสง LED สีน้ำเงิน และสีแดง ก็มีประโยชน์ในการลดการอักเสบและฆ่าเชื้อ P. acnes
วิธีการรักษารอยดำจากสิว
การรักษารอยดำจากสิว สามารถทำได้หลายวิธี แต่ละวิธีมีความเหมาะสมกับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของรอยดำที่แตกต่างกัน
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดลดเม็ดสี: ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเช่น ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide), วิตามิน C (Vitamin C), หรือกรดอัลฟาไฮดรอกซี (AHA) สามารถช่วยลดเม็ดสีเมลานินที่ผิวหนังผลิตมามากเกินไป ซึ่งจะช่วยให้รอยดำจากสิวดูจางลง
การรักษาด้วยเลเซอร์: เลเซอร์บางประเภท เช่น Pico สามารถใช้เพื่อลดรอยดำบนผิวหนังได้ โดยเลเซอร์จะช่วยทำให้เม็ดสีที่ผิวหนังเกิดการสลายตัว ลดลง และค่อย ๆ จางไป
วิธีป้องกัน หรือลดรอยแดงรอยดำบนผิวหน้า
วิธีป้องกันรอยดำรอยแดงด้วยตัวเองจริงๆเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ บทความนี้ เราได้รวบรวมมาให้เพื่อน ๆ ชาว BERKIN ไว้ 5 ข้อ ดังนี้
หลีกเลี่ยงการบีบ หรือกดสิวด้วยตัวเอง เพราะการทำเช่นนี้ สามารถทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ และทิ้งรอยดำ หรือรอยแดงได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้สิวลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้เกิดสิว และรอยสิวที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด เพราะแสงแดด และรังสี UV สามารถกระตุ้นให้เกิดรอยดำรอยแดงจากสิวได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 และ PA+++ ขึ้นไป
เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์และมีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างผักและผลไม้ สามารถช่วยลดรอยดำและรอยแดงจากสิวได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังได้ด้วย
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นสำหรับผิวที่ขาดน้ำ เช่น BERKIN Serum ที่มี Hyaluronic Acid 8 ขนาดโมเลกุล พอผิวขาดน้ำ ผิวก็จำเป็นต้องผลิตน้ำมันมาเพื่อชดเชยผิวที่ขาดน้ำ ซึ่งการที่ผิวผลิตน้ำมันออกมาเยอะเกิน เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวอุดตัน จึงควรดูแลไม่ให้ผิวขาดน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดสิว และรอยดำรอยแดงที่จะเกิดตามมา
ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อรักษารอยดำรอยแดงจากสิวขั้นรุนแรง เพื่อน ๆ ต้องมีความอดทนในการใช้ยาที่ถูกต้องภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา
สิวไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางชีววิทยาภายในเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์ เช่น ความเครียด การนอนไม่เพียงพอ และการดื่มสุรา หรือบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง การจัดการกับความเครียด และการปรับไลฟ์สไตล์ให้สมดุล สามารถช่วยลดการเกิดสิว และทำให้สุขภาพผิวหน้าโดยรวมดีขึ้น
ด้วยการดูแลที่ถูกวิธี และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ก็สามารถช่วยลดอาการแดงจากสิว และปรับปรุงสภาพผิวของให้ดูดีขึ้นอย่างมีสุขภาพดีได้
สรุปได้ว่ารอยแดงรอยดำบนใบหน้า มักจะปรากฏหลังจากการรักษาสิว ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก การที่ผิวหนังถูกรบกวนจนเกิดการอักเสบ โดยรอยแดงมักเกิดขึ้นที่ชั้นผิวหนังตื้น ๆ ในขณะที่รอยดำจะเกิดในชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งทำให้การรักษารอยดำยาก และต้องใช้เวลานานกว่าการรักษารอยแดง เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือ ควรดูแลรักษาผิวหน้าไม่ให้เกิดสิว เพื่อลดโอกาสการเกิดรอยดำรอยแดงในภายหลัง
สามารถติดตาม BERKIN ได้ทาง
เว็บไซต์: Berkinofficial
Instagram: Berkin.official
เพจ Facebook: Berkin.official
TikTok:@berkin.official
อ้างอิง
-https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/how-to-remove-dark-spots-caused-by-pimples
-https://www.verywellhealth.com/post-inflammatory-hyperpigmentation-15606
-https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/acne-scar-skin-of-color