ผิวผสม คืออะไร? 1 ในประเภทของผิวหน้าที่หลายคนไม่รู้จัก

ผิวผสม

ผิวผสม (Combination Skin) คือลักษณะผิวหน้าที่ผิวแต่ละส่วนเป็นผิวชนิดที่ต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วบริเวณที่จะมันกว่าผิวส่วนอื่น คือผิวบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง เป็นผิวบริเวณกลางใบหน้าที่เรียกกันว่า “T-Zone”*

*หน้าผาก จมูก และคาง เมื่อเรียงตัวกันจะเป็นรูปตัว T จึงถูกเรียกว่า T-zone ผิวบริเวณดังกล่าวจะมีความมันมากกว่าส่วนอื่น ๆ เนื่องจากในบริเวณนี้มีต่อมไขมัน (Sebaceous Glands) มากกว่าผิวหน้าในบริเวณอื่น เมื่อต่อมไขมันถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยต่าง ๆ จะทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวมีไขมันเคลือบอยู่มาก

ลักษณะของผิวมีกี่ประเภท จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีลักษณะผิวผสม? 

ประเภทของผิวหนัง (Skin Type) จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  1. ผิวปกติ (Normal Skin): หมายถึงผิวสุขภาพดี มีความชุ่มชื้น มีน้ำในผิวอยู่ในสภาวะสมดุล ผิวละเอียด ไม่แห้งกร้าน รูขุมขนเล็ก หน้ามันเล็กน้อยจากไขมันหรือน้ำมันตามธรรมชาติที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อลดการสูญเสียน้ำตามปกติ
  2. ผิวมัน (Internal link) (Oily Skin): หมายถึงผิวหน้าที่มีน้ำมัน (Sebum) เคลือบอยู่มากกว่าปกติ ทำให้ผิวอักเสบง่าย เสี่ยงเกิดโรคผิวหนังต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคสิว (Acne Vulgaris) ทั้งสิวอุดตัน และสิวอักเสบ
  3. ผิวแห้ง (Dry Skin): คือผิวที่มีน้ำมันในผิวหนังชั้นนอกสุด (Stratum Corneum) อยู่น้อยกว่าปกติ ทำให้ผิวแห้ง ผิวหยาบกร้าน บางครั้งอาจคัน ลอก และระคายเคืองด้วย
  4. ผิวผสม (Combination Skin): คือผิวที่มีลักษณะของผิวหลายอย่างผสมกัน ทำให้ผิวในแต่ละส่วนมีลักษณะที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่จะเป็นส่วนหน้าผาก จมูก และคางที่มีความมัน รูขุมขนใหญ่กว่าส่วนอื่น ส่วนผิวบริเวณแก้มมักเป็นผิวที่เป็นปกติ หรืออาจเป็นผิวแห้งก็ได้

โดยผิวผสมสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น กรรมพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเครียด และสภาพอากาศ การเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดผิวผสมของเพื่อน ๆ จะช่วยให้เราสามารถเลือกวิธีการดูแลที่เหมาะสมที่สุดได้

การมีผิวผสมจะดูแลยากกว่าผิวประเภทอื่น ๆ เนื่องจากเพื่อน ๆ ที่มีผิวผสม จะเผชิญกับปัญหาผิวที่เกิดจากทั้งผิวมันและผิวแห้ง บางบริเวณเป็นสิวเพราะผิวมัน บางบริเวณก็ผิวแห้งมากจนลอกและระคายเคือง อีกทั้งวิธีการดูแลผิว ก็ยังต้องทำแตกต่างกันในแต่ละบริเวณ เพื่อให้มีผิวที่สุขภาพดีเหมือนกันทั่วทั้งใบหน้า

จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีสภาพผิวหน้าแบบไหน?

เริ่มจากวิธีเช็คสภาพผิวหน้าที่ง่ายที่สุด คือ ในคืนก่อนการตรวจสอบสภาพผิว ให้ล้างหน้าให้สะอาดตามปกติโดยไม่ต้องทาครีม เวชสำอาง หรือยาใด ๆ เลย เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ให้ลองตรวจสอบดูตามนี้

  •  หากผิวมันทั้งหน้า ทั้งบริเวณ T-zone แก้ม สันกราม มันทั้งหมด แสดงว่ามีสภาพผิวมัน
  •  หากผิวแห้งทั้งหน้า ผิวตึงเกินไป บางครั้งอาจลอก หรือมีผิวแดงจากการระคายเคืองด้วย แสดงว่ามีสภาพผิวแห้ง
  •  หากหน้ามันมากแค่บางบริเวณ เช่น บริเวณ T-zone แต่ส่วนอื่น ๆ ของใบหน้าแห้งตึง แสดงว่ามีสภาพผิวผสม
  • หากหน้าในบริเวณ T-zone มันเพียงเล็กน้อย และผิวบริเวณอื่นปกติหรือตึงเล็กน้อย แสดงว่ามีสภาพผิวปกติ เป็นผิวที่สุขภาพดี

ใครบ้างที่มักพบว่ามีผิวผสม?

แม้ว่าผิวผสมอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่บางครั้งอาจพบได้บ่อยในวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ ที่กำลังอยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ปัจจัยด้านอายุและฮอร์โมนเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด สภาพแวดล้อม อาหาร วิถีชีวิต พฤติกรรมการดูแลผิว ก็มีผลต่อประเภทผิวของเราได้เช่นกัน

การดูแลผิวผสมอาจดูเหมือนเป็นงานที่ต้องใช้ความพยายาม แต่ด้วยความเข้าใจและการดูแลที่ถูกต้อง เพื่อน ๆ สามารถมีสุขผิวที่สวยและสุขภาพดีได้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ก่อนว่าผิวของเราเป็นแบบไหน ต้องการการดูแลอย่างไร และปรับวิธีให้เหมาะสม โดยเริ่มต้นจากการดูแลตัวเองเป็นอันดับแรก

วิธีการดูแลผิวหน้าสำหรับคนที่มีผิวผสม

เมื่อรู้แล้วว่าเรามีลักษณะผิวเป็นผิวผสม เพื่อน ๆ สามารถดูแลตัวเองเพื่อให้มีผิวสุขภาพดีด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้

  1. การทำความสะอาด การเลือกใช้คลีนซิ่งและเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนที่มีผิวผสม เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยทำความสะอาดโดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง ควรหลีกเลี่ยงสบู่หรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวแห้งเกินไป เช่น สบู่ที่มีส่วนผสมของ SLS สูง เพราะอาจทำให้บริเวณที่มีผิวแห้งแล้ว แห้งเพิ่มขึ้นอีก ในขณะเดียวกันก็อาจกระตุ้นให้บริเวณที่มีความมัน ผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อชดเชยความแห้งที่เกิดขึ้น หากเพื่อน ๆ มีผิวที่ระคายเคืองง่าย ก็อาจเลือกใช้ BERKIN Cleansing Balm ที่ไม่ก่อให้เกิดการเสียดสีจากการใช้สำลี คลีนซิ่งบาล์ม เป็นทางเลือกที่อ่อนโยนต่อผิว และช่วยบำรุงให้ผิวนุ่ม และมีความชุ่มชื้น ไม่มันหรือแห้งเกินไป
  2. การใช้โทนเนอร์ โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวผสม เนื่องจากช่วยให้ผิวสดชื่นและเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนการดูแลผิวต่อไปโดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง โทนเนอร์สามารถช่วยปรับสมดุล pH ของผิว ลดความมันในบริเวณทีโซน และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณที่แห้ง ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่เอื้อต่อการรักษาสมดุลของผิว เช่น มีกรดไฮยาลูโรนิก หรือน้ำแร่
  3. การให้ความชุ่มชื้น เพื่อน ๆ อาจต้องใช้สกินแคร์ที่แตกต่างกันสำหรับบริเวณที่แห้งและบริเวณที่มัน ในบริเวณที่มัน สามารถใช้ BERKIN Moisture and Barrier Booster Serum เป็นตัวดึงน้ำเข้าผิว และทำให้ผิวนุ่ม โดยไม่จำเป็นต้องใช้ครีมเนื้อหนัก เนื่องจากในบริเวณนี้มีน้ำมันเคลือบผิวเยอะอยู่แล้ว หากยิ่งใช้กลุ่มเคลือบผิวที่เป็นครีมเนื้อหนัก อาจยิ่งทำให้เกิดการอุดตันสะสมที่รูขุมขนได้ ส่วนบริเวณที่แห้ง แนะให้ใช้ทั้ง BERKIN Serum โดยจะช่วยเติมความชุ่มชื้นในขั้นตอนแรก แล้วปิดทับด้วยครีมเนื้อหนักในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเป็นการปิดล็อกผิว เนื่องจากในบริเวณนี้มีน้ำมันอยู่น้อยจึงต้องหาครีมเนื้อหนักมาช่วยเคลือบผิว
  4. ทาครีมกันแดด การเลือกทาครีมกันแดดที่เหมาะสมกับผิวผสม เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันผิวจากความเสียหายที่เกิดจากรังสี UV ควรเลือกกันแดดที่มีความเบา ไม่ทำให้ผิวรู้สึกหนักหรืออุดตันรูขุมขน ส่วนผสม เช่น ไททาเนียมไดออกไซด์หรือซิงค์ออกไซด์เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะทั้งสองชนิดนี้ไม่ใช่แค่ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดี แต่ยังเป็นส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อผิวและเหมาะสำหรับผิวที่มีความไวต่อการระคายเคือง

การเอาใจใส่วิธีการและแต่ละขั้นตอนเหล่านี้ จะช่วยให้ผิวผสมของเพื่อน ๆ มีสุขภาพดี และมีความสมดุลมากขึ้น ผิวจะดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ

3 Tips & Trick ฉบับ BERKIN สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีผิวผสม

เทคนิคการนวดผิวหน้าเพื่อกระตุ้นผิวผสม

การนวดผิวหน้าไม่เพียงแต่ช่วยให้เราผ่อนคลาย แต่ยังเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งสามารถช่วยให้ผิวดูมีชีวิตชีวาและสุขภาพดีขึ้น เราจะแนะนำเทคนิคง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้เองที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปลายนิ้วมือทำการวนเบา ๆ บนผิวหน้า โดยเพื่อนๆ อาจนวดหน้าตอนใช้ BERKIN Cleansing Balm ล้างเมคอัพและกันแดด หรืออาจใช้เครื่องมือนวดหน้าที่ออกแบบมาเพื่อการดูแลผิวผสมโดยเฉพาะก็ได้

อาหารและการบริโภคที่มีผลต่อผิวผสม

มีประโยคนึงที่บอกว่า “เราคือสิ่งที่เรากิน” เพราะฉะนั้นการเลือกอาหารที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพ ช่วยส่งผลดีต่อผิวของเราด้วยเช่นกัน หรือเพื่อน ๆ อาจเลือกอาหารที่เสริมสุขภาพผิวโดยตรง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี และการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ รวมทั้งอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากเพื่อน ๆ มีผิวผสม เช่น อาหารทอด และอาหารที่มีน้ำตาลสูง

การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อผิวผสมที่มีสุขภาพดี

นอกเหนือจากการดูแลผิวภายนอกแล้ว ไลฟ์สไตล์ของเพื่อน ๆ ก็มีผลต่อสุขภาพผิวเช่นกัน เราขอแนะนำการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ที่สามารถช่วยให้ผิวของเราดูดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับให้เพียงพอ การออกกำลังกายเป็นประจำ และการทำกิจกรรมลดระดับความเครียด เพื่อส่งเสริมสุขภาพผิวที่ดีจากภายในสู่ภายนอก

สรุป

ผิวผสม เป็นผิวที่ควรเน้นดูแลในเรื่องความชุ่มชื้น ปรับวิธีการดูแลให้น้ำมันบนผิวให้มีความสมดุล โดยแก้ไขลักษณะปัญหาผิวหน้าที่มันและแห้งในคราวเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนที่มันเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังหรือสิว และไม่ให้ส่วนที่แห้ง มีอาการลอกหรือระคายเคือง

สามารถติดตาม BERKIN ได้ทาง

เว็บไซต์: Berkinofficial

Instagram: Berkin.official

เพจ Facebook: Berkin.official

TikTok:@berkin.official

อ้างอิง

Shetty, R. (2013, April 26). How To Know Your Skin Type – Types of Skin – Glamrs [Video]. Glamrs.

https://www.youtube.com/watch?v=aYeO3GQ0VZY

 

Lenahan, B. (2017, October 30). Understanding Combination Skin and How to Treat It.

Colorescience.

https://www.colorescience.com/blogs/learn/understanding-combination-skin-and-how-to-treat-it#:~:text=Typically%2C%20the%20combination%20skin%20type,forehead%2C%20nose%2C%20and%20chin.

 

Stuart, A. (2021, October 13). What’s Your Skin Type?. Radiance by WebMD.

https://www.webmd.com/beauty/whats-your-skin-type#091e9c5e80566596-1-3

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *